วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

10 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก

ที่ทำการจัดอันดับโดย ไทมส์ ไฮเออร์ เอ็ดดูเคชั่น (Times Higher Education)

1.มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด : Harvard University : 
ประเทศสหรัฐอเมริกา 
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในเมืองแคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของโลกแห่งหนึ่ง และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2179  (ค.ศ.1636) มีอายุครบ 370 ปี ในปี พ.ศ. 2549 ฮาร์วาร์เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่ลีก โดยในปี พ.ศ.2551 มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา โดยนิตยสารยูเอส รวมถึงปี 2552 ที่ได้รับอันดับหนึ่งเช่นกัน

2. มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ : University of Cambridge : 
ประเทศอังกฤษ
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1209 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของสหราชอาณาจักร ที่ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีผู้ได้รับรางวัลโนเบลสูงที่สุด ในบรรดามหาวิทยาลัยทั้งหลายในโลก กล่าวคือ 81 รางวัล

3. มหาวิทยาลัยเยล : Yale University : ประเทศสหรัฐอเมริกา


มหาวิทยาลัยเยลตั้งอยุ่ในรัฐคอนเน็คติกัต ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี ค.ศ.1701  มหาวิทยาลัยเยลเป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งในสมาชิกของ Ivy League (ไอวี่ ลีก*) และเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงที่เก่าแก่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกา สิ่งที่เป็นที่รู้จักเป็นพิเศษก็คือ สถาบันในส่วนของผุ้ที่กำลังศึกษาอยุ่ ได้แก่ วิทยาลัยเยล  และสถาบันนิติศาสตร์แห่งเยล ซึ่งทั้งสองแห่งได้ผลิตบุคลากรระดับแนวหน้ามาแล้วมากมาย อย่างเช่น ‘ฮิลลารี คลินตัน’ เป็นต้น

4. มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน : University College London : ประเทศอังกฤษ
มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน หรือ UCL ก่อตั้งขึ้นในปี 1826 โดยที่นี่ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศอังกฤษ และจัดเป็นมหาวิทยาลัยท็อปไฟว์ของอังกฤษ ส่วนในการจัดอันดับของ THES-QS World University Rankings UCL ก็ได้อันดับที่ 4 ของโลกด้วยล่ะ

5. 1 มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน : Imperial College, University of Londo : ประเทศอังกฤษ


อิมพีเรียลคอลเลจแห่งลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษและทวีปยุโรป ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมนักวิจัยและผลงานวิจัยระดับโลกอีกมากมายนอกจากนี้ ที่นี่ยังติดอันดับ 1 ใน 3 ของ Times National University League ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์อีกด้วย

5.2 มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด : University of Oxford 
ประเทศอังกฤษ
ตั้งอยุ่ในเมืองออกซฟอร์ด  สหราชอาณาจักรและเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ มีอายุไม่น้อยกว่า 800 ปี โดยประวัติการก่อตั้งไม่มีหลักฐานที่แน่นอน แต่มีหลักฐานว่าออกซฟอร์ดได้เริ่มสอนมาตั้งแต่ พ.ศ. 1639 (ค.ศ. 1096) และในปี พ.ศ. 1710  (ค.ศ. 1167) หลังจากที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ของอังกฤษ ทรงสั่งห้ามชาวอังกฤษไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยปารีสเหมือนที่ชาวอังกฤษนิยม นักศึกษาและนักวิชาการอังกฤษที่เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ในสมัยนั้น จึงพากันไปรวมตัวที่เมืองออกซฟอร์ด มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดจึงเกิดขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์และการสนับสนุนการเงินจากคหบดีต่างๆ ในปี พ.ศ.1710 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (อนึ่ง รัชกาลที่ 6 ทรงจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยนี้)

6. มหาวิทยาลัยชิคาโก : The University of Chicago : 
ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยชิคาโก หรือที่เรียกโดยย่อว่า UC หรือ UofC ตั้งอยู่ในชุมชนไฮด์พาร์ก (Hyde Park) ซึ่งอยุ่ทางใต้ของใจกลางเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประมาณ 6 ไมล์ เป็นมหาวิทยาลัยเน้นการวิจัย (Research University) ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาและของโลก ในปี ค.ศ.1890 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก ‘จอห์น ดี. ร็อคกะเฟลเลอร์’ (John D. Rockefeller) มหาเศรษฐีน้ำมันชาวอเมริกันส่วนที่ดินได้รับบริจาคจาก ‘มาร์แชล ฟิลด์’(Marshall Field) ผู้เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งเมืองชิคาโก เริ่มมีการเรียนการสอนเป็นครั้งแรกในวันที่ 2 ตุลาคม 1892 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมระหว่างการศีกษาแบบเสรี (Liberal Arts Education) ในระดับปริญญาตรี และการศึกษาวิจัยตามแนวเยอรมันในระดับบัณฑิตศีกษาโดยมีอธิการบดีคนแรกคือ ‘วิลเลี่ยม เรนนี่ ฮาร์เปอร์’ (William Rainey Harper)

7. มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน Princeton University : ประเทศสหรัฐอเมริกามหาวิทยาลัยชิคาโก หรือที่เรียกโดยย่อว่า UC หรือ UofC ตั้งอยู่ในชุมชนไฮด์พาร์ก (Hyde Park) ซึ่งอยุ่ทางใต้ของใจกลางเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประมาณ 6 ไมล์ เป็นมหาวิทยาลัยเน้นการวิจัย (Research University) ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาและของโลก ในปี ค.ศ.1890 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก ‘จอห์น ดี. ร็อคกะเฟลเลอร์’ (John D. Rockefeller) มหาเศรษฐีน้ำมันชาวอเมริกันส่วนที่ดินได้รับบริจาคจาก ‘มาร์แชล ฟิลด์’(Marshall Field) ผู้เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งเมืองชิคาโก เริ่มมีการเรียนการสอนเป็นครั้งแรกในวันที่ 2 ตุลาคม 1892 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมระหว่างการศีกษาแบบเสรี (Liberal Arts Education) ในระดับปริญญาตรี และการศึกษาวิจัยตามแนวเยอรมันในระดับบัณฑิตศีกษาโดยมีอธิการบดีคนแรกคือ ‘วิลเลี่ยม เรนนี่ ฮาร์เปอร์’ (William Rainey Harper)

7. มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน Princeton University : 
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยุ่ที่เมืองพรินซ์ตันในมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2289 (ค.ศ.1746) เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับ 4 ของประเทศ โดยเมื่อก่อตั้งใช้ชื่อว่า “วิทยาลัยนิวเจอร์ซีย์” แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน” ในปี พ.ศ.2439 (ค.ศ.1896) หลังจากย้ายมาที่เมืองพรินซ์ตัน ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยพรินซ์ตันจะมีการเปิดสอนในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก แต่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันมาจากการศึกษาในระดับปริญญาตรี นอกจากนี้ยังคงได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีห้องสมุดใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก

8. สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ : Massachusetts Institute of Technology : ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) หรือ เอ็มไอที(MITเป็นสถาบันอุดมศึกษาในเมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้นำวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกแห่งหนึ่ง โดยเปิดสอนหลายสาขา ได้แก่ วิศวกรรมศาสตร์ การบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ ศิลปศาสตร์ และปรัชญา บุคคลจากเอ็มไอทีรวมถึงศิษย์เก่าและอาจารย์ของสถาบันได้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักการเมือง ผุ้บริหาร นักเขียน นักบินอวกาศ นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันบุคคลในเอ็มไอทีมี่ 63 คนได้รับรางวัลโนเบล มีสตาตาเซ็นเตอร์ที่ใช้เป็นอาคารเรียนและเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยวิทยาการคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ ออกแบบโดย ‘แฟรงก์ เกรี

9. สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย : California Institute of Technology : ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย หรือที่เรียกกันว่า Caltech ตั้งอยู่ที่ Pasadena, Californiaสหรัฐอเมริกา ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆ เพราะมีนักศึกษาอยู่แค่เพียง 2,100 คนเท่านั้น  แต่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก โดยเฉพาะด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์

10. มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย : Columbia University : 
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนของสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่ตั้งอยู่ที่นิวยอร์คซิตี้ ในรัฐนิวยอร์คอยู่ในส่วนของชุมชนมอร์นิ่งไซด์ บริเวณส่วนเหนือของเกาะแมนฮัตตัน ก่อตั้งในปี พ.ศ.2297 (ค.ศ.1754) ในชื่อของ “วิทยาลัยคิงส์” (King’s College)  โดยได้รับเงินสนับสนุนจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งอังกฤษ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของนครนิวยอร์ค และแห่งที่ 5 ในบรรดา 13 รัฐจักรวรรดิอังกฤษ ภายหลังสหรัฐอเมริกาทำการปฏิวัติโคลัมเบียได้รับการสนับสนุนในฐานะเอกลักษณ์ทางปรัชญาของรัฐตั้งแต่ปี 2327-2330

ขอขอบคุณ

ประโยชน์และโทษของการใช้คอมพิวเตอร์



.....ประโยชน์และโทษของการใช้คอมพิวเตอร์.....!






ประโยชน์



1.ช่วยให้ติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น
2.ให้ความบันเทิงสนุกสนาน
3.ทำงานได้รวดเร็ว
4.ใช้ในการหาข้อมูล
5.ได้รับข่าวสารรวดเร็ว









 





โทษ

 
1.สายตาเสีย
2.ติดเกมส์
3.เสียการเรียน
4.เสียค่าไฟเพิ่ม
5.อาจถูกล่อล่วงไปทำมิดีมิร้ายได้